News

รายงานพิเศษ : สรุปเหตุการณ์ 10 วัน หลังนายกฯประกาศ ‘เปิดประเทศ’ ให้ชาวต่างชาติเที่ยวได้ 17 จังหวัด

เรื่องและภาพ : กิตติธัช วนิชผล

จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ วารสารเพรสได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากแถลงการณ์ดังกล่าว ในรอบ 10 วันที่ผ่านมา

ไทม์ไลน์เหตุการณ์สำคัญช่วง 10 วันที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 11 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ในวันที่ 1 พ.ย. ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศ ซึ่งผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศจะต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงตํ่า โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งต้องทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และตรวจอีกครั้งเมื่อถึงไทย แล้วจึงจะสามารถเดินทางภายในประเทศได้อย่างอิสระ โดยจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติจากกลุ่ม 10 ประเทศแรก เช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา ส่วนผู้ที่มาจากประเทศอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า ก็จะต้องกักตัวตามมาตรฐานที่กำหนด โดยจะเพิ่มจำนวนประเทศที่อนุญาตให้เข้าหลักเกณฑ์นี้เพิ่มเติมในวันที่ 1 ธันวาคม และ 1 มกราคมตามลำดับ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ภายในวันที่ 1 ธ.ค. จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานบันเทิงเปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง

ในประเด็นประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยเพิ่มเติมผ่านสำนักข่าวไทยโพสต์ว่า สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามานั้น จะต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงด้านการระบาดของโรคโควิด-19 ตํ่าที่สุด ซึ่งล่าสุดมีประมาณเกือบ 50 ประเทศ โดยในเร็วๆนี้ ศบค. จะประเทศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และเป็นที่ชัดเจนว่าประเทศใหญ่ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร (UK) สวิตเซอร์แลนด์ สเปน เยอรมัน อิตาลี และรัสเซีย ส่วนประเทศในทวีปเอเชีย อย่าง จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย ประเทศเหล่านี้จะอยู่ในจำนวนประเทศที่ ศบค. จะประกาศออกมาเพื่อรับนักท่องเที่ยว

นายพิพัฒน์กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดที่จะมีการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย.นั้น มี 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดระนอง (เกาะพยาม) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (อ.ชะอำ) ส่วนภาคตะวันออกจะมีจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ภาคอีสาน จังหวัดเลย (อ.เชียงคาน) ส่วนจะมีเพิ่มเติมจังหวัดไหนอีกนั้นต้องรอประกาศเพิ่มเติมจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ (ภาพจาก ไทยโพสต์)

เช้าวันต่อมา (12 ต.ค.) ตลาดหุ้นปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,640.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.33 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.45% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 55,072 ล้านบาท ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย (SET) ปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,645-1,660 จุด โดยระบุว่าปัจจัยที่หุ้นปรับตัวขึ้นส่วนหนึ่งมาจากนายกรัฐมนตรีแถลงเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม ที่เตรียมอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงและให้สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มทรงตัวถึงลดลง ประกอบกับแผนการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่มีความชัดเจน ทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น การกระจายวัคซีนไปต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการติดเชื้อจากต่างประเทศก็มีปริมาณไม่มาก จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่นายกรัฐมนตรีออกมาประกาศสร้างความชัดเจนในการเปิดประเทศ เพราะจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางได้รู้ล่วงหน้าและมีการเตรียมตัวที่ดีขึ้นภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม นายสนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมความพร้อมคือการกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดยภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมให้การสนับสนุน

วันที่ 13 ต.ค. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการแถลงการณ์เปิดประเทศของนายกรัฐมนตรีว่า การเปิดประเทศเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายเรียกร้อง ต้องการเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้า และเพื่อให้การใช้ชีวิตของประชาชนใกล้เคียงกับสภาวะปกติมากที่สุด การจะเปิดประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้จึงขึ้นอยู่กับว่าประเทศไทยเตรียมความพร้อมมากน้อยเพียงใด มีมาตรการรองรับการเปิดประเทศที่จะเกิดขึ้นครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และมีการเตรียมการป้องกันปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไร

นายองอาจกล่าวต่อว่า การเปิดประเทศขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ หลายประการ คือ 1.ประชาชนชาวไทยได้รับการฉีดวัคซีนเพียงพอทั่วถึง ตามหลักวิชาการ แล้วหรือไม่ เพราะการเปิดประเทศครั้งนี้เป็นการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางไปเที่ยวทุกที่ทั่วไทยโดยไม่มีข้อจำกัด การฉีดวัคซีนให้คนไทยอย่างเพียงพอจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ช่วยทำให้มั่นใจในการเปิดประเทศมากขึ้น 2.จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดทุกระดับสี ทั้งสีแดง สีเหลือง สีเขียว อยู่ในระดับที่ดูแลรักษาได้ ไม่กระทบต่อการเปิดประเทศหรือไม่ 3.มีการเตรียมมาตรการและวิธีการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาจำนวนมากอย่างไร เช่น การตรวจ RT-PCR ตามข้อกำหนดที่ ศบค. กำหนดขึ้น และ4.มีการเฝ้าระวังโควิดสายพันธุ์ใหม่ หรืออาจมีการกลายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงกว่าเดิมหรือไม่อย่างไร

วันที่ 16 ต.ค. นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตอกย้ำเรื่องการเปิดประเทศอีกรอบ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-chan-o-cha” โดยระบุในโพสต์ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลขอเชิญชวนให้ประชาชนชาวไทยทุกคนร่วมก้าวข้ามวิกฤตโควิด มองไปข้างหน้า และเตรียมเปิดประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมี 2 ปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ คือ ความพร้อมเรื่องการจัดหาและการฉีดวัคซีน ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีมากๆ อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ความมีวินัยและความร่วมแรงร่วมใจกันของคนไทยทั้งประเทศในการเอาชนะโรคระบาด

ต่อมา ในวันที่ 17 ต.ค. ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินี้ผ่านทางไทยรัฐออนไลน์ว่า ผลจากการเปิดประเทศ น่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพิ่มขึ้นประมาณ 64% เมื่อเทียบกับที่ไม่มีมาตรการ โดยจะเป็นผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในประเทศไทยทั้งปี 2564 ขยับขึ้นมาที่ประมาณ 1.8 แสนคน (จากคาดการณ์เดิมที่ 1.5 แสนคน) สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท โดยรายได้การท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ยังกระจายอยู่ในเฉพาะพื้นที่ที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยกล่าวต่อไปว่า แม้ทางการไทยจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังจำเป็นต้องควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโรคโควิด นอกจากนี้รัฐบาลควรมีการเร่งฉีดวัคซีนโควิดครบโดสให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่หรือเข้าหา 70% ในพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่

และในวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง และพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ เปิดเผยว่า นับถอยหลังอีก 2 สัปดาห์ ประเทศไทยจะพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาตามเงื่อนไข คือ ต้องมาจากประเทศที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดเฉพาะทางอากาศเท่านั้น ต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนตามเกณฑ์ มีใบรับรองตรวจไม่พบเชื้อ มีหลักฐานการจองที่พัก และเมื่อเดินทางมาถึงไทยแล้ว ต้องตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หากตรวจไม่พบเชื้อจึงจะสามารถท่องเที่ยวได้ใน 17 จังหวัดนำร่องก่อน โดยบางจังหวัดเปิดให้เที่ยวได้ทุกพื้นที่ แต่บางจังหวัดยังจำกัดการเดินทางท่องเที่ยวเป็นบางพื้นที่ เพราะต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชน ครอบคลุม 70% ก่อน ถึงจะเปิดให้เที่ยวได้

แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ (ภาพโดย WorkpointToday)

สถานศึกษาจะเปิดเมื่อไร ?

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ที่ประชุมได้วางแผนมาตรการเปิดภาคเรียนที่ 2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นการเปิดเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงมัธยม โดยมีมาตรการตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 20 กันยายน 2564 เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 32) ลงนามโดยนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งแต่ละโรงเรียน จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินหลายด้าน เช่น ด้านกายภาพ ด้านการมีส่วนร่วม ด้านการประเมินความพร้อมสู่การปฏิบัติ สำหรับสถานศึกษา คุณครูและบุคลากรต้องฉีดวัคซีนครบโดสไม่น้อยกว่า 85% ในขณะที่นักเรียนและผู้ปกครอง ควรได้รับวัคซีนตามมาตรการที่กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขกำหนด และระหว่างการเปิดภาคเรียน ต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด และสามารถจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite หรือ Online หรือแบบผสมผสาน (Hybrid) ก็ได้ โดยแต่ละห้องเรียนไม่เกิน 25 คน เว้นระยะห่างไม่น้อยกว่า 1.5 เมตร รวมถึงให้มีการสุ่มตรวจ ATK (Antigen Test Kit) ในหมู่นักเรียน คุณครู และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาเพื่อเฝ้าระวังตาม เกณฑ์จําแนกตามเขตพื้นที่การแพร่ระบาดอีกด้วย

นักเรียนได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้นแล้ว โดยเด็กที่อายุตั้งแต่ 12 – 18 ปี จะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ (ภาพโดย THAI NEWS PIX, BBC ไทย)

ทางวารสารเพรสยังไม่สามารถให้ข้อสรุปได้ว่าสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิงภายในคำแถลงการณ์นั้นหมายรวมถึงธุรกิจร้านตู้เกม หรือร้านเกมอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ หลังจากธุรกิจร้านเกมถูกปิดมานานกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา แม้ห้างสรรพสินค้าจะเปิดให้บริการแล้ว แต่ธุรกิจร้านตู้เกมยังคงปิดทำการอยู่

ร้านตู้เกมภายในห้างสรรพสินค้าย่านบางแค ที่แม้ทั้งห้างสรรพสินค้าจะเปิดทำการ รวมถึงเปิดให้ทานอาหารในร้าน รวมถึงเปิดให้เข้าชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ แต่ร้านตู้เกมยังคงปิดทำการอยู่

วารสารเพรส ขอสรุปสิ่งที่ ‘กำลังจะเปิด’ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ตามอินโฟกราฟิก (Infographic) ดังนี้

นอกจากสรุปข้างต้นแล้ว หลาย ๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการจะเปิดประเทศได้นั้น จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดส หรือ 3 โดสให้ได้อย่างน้อย 70% กรณีนี้ ทางไทยรัฐออนไลน์ ได้อัพเดตข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิดเมื่อวันที่ 19 ต.ค. ไว้ดังนี้

ข้อมูลการฉีดวัคซีนในภาพรวม ณ วันที่ 18 ต.ค. เวลา 18.00 น. เพิ่มขึ้น 914,527 โดส

  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มขึ้นจำนวน 452,368 ราย
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เพิ่มขึ้นจำนวน 431,949 ราย
  • ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มขึ้นจำนวน 30,210 ราย

จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-18 ต.ค. (233 วัน) รวม 66,592,321 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัดดังนี้

ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 38,137,096 ราย (คิดเป็น 52.9% ของประชากร)

  • ซิโนแวค 18,747,124 ราย
  • แอสตราเซเนกา 10,557,501 ราย
  • ซิโนฟาร์ม 6,331,486 ราย
  • ไฟเซอร์ 2,500,985 ราย

ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 26,474,522 ราย (คิดเป็น 36.8% ของประชากร)

  • ซิโนแวค 3,520,151 ราย
  • แอสตราเซเนกา 17,705,332 ราย
  • ซิโนฟาร์ม 4,700,210 ราย
  • ไฟเซอร์ 548,829 ราย

ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 1,980,703 ราย (คิดเป็น 2.7% ของประชากร)

  • แอสตราเซเนกา 1,484,678 ราย
  • ไฟเซอร์ 496,028 ราย

ซึ่งจนถึงวันนี้ (20 ต.ค.) หากนับถอยหลังจนถึงสิ้นปี 31 ธ.ค. จะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 73 วันเท่านั้นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ครอบคลุม 50 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรในประเทศ และอีกเพียงแค่ 12 วันก่อนจะถึงวันที่จะได้ ‘เปิดประเทศ’ อย่างเป็นทางการตามคำแถลงของนายกรัฐมนตรี


สามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องมาตรการการเปิดโรงเรียนเพิ่มเติมได้ทาง https://drive.google.com/file/d/1-p-ux4JUqDY6cXwcbeutrkEP22LkVSkI/view
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/general/news-780241
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/92522/
https://www.prachachat.net/general/news-780241
https://www.thaipost.net/main/detail/119630
https://www.thaipost.net/main/detail/117529
https://www.thaipost.net/main/detail/120019
https://www.thaipost.net/main/detail/120049
https://news.ch7.com/detail/523121
https://www.thairath.co.th/business/feature/2221282
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2222975

ความรู้สึกของคุณหลังอ่านบทความนี้เป็นอย่างไร ?

Like ถูกใจ
0
Love รักเลย
0
Haha ตลก
0
Sad เศร้า
0
Angry โกรธ
0

Comments are closed.

More in:News

News

สอบ.ค้าน ‘ต่อสัมปทาน 30 ปี รฟฟ.สายสีเขียว’ เหตุค่าโดยสารแพงขึ้น

ผู้เขียน: กัญญพัชร กาญจนเจตนี และ กัญญาภัค วุฒิรักขจร ภาพ: สมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย และ มติชนออนไลน์ สภาองค์กรของผู้บริโภคค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เหตุจะทำให้ค่าโดยสารแพงขึ้น ชี้คนไทยจ่ายค่ารถไฟฟ้าแพงกว่าคนญี่ปุ่น จากกรณีมีข้อเสนอที่จะขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า BTS ...

News

สปป.ลาวเสียงแตก ‘โตโน่’ ว่ายน้ำ เป็นภาระหรือช่วยแพทย์

เรื่อง: ณัฐกมล สิทธิวงศ์ ภาพ: อินสตาแกรม @mootono29 คนในพื้นที่แขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเสียงแตก ส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยที่โตโน่ว่ายน้ำ ระบุเป็นการเพิ่มภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยกู้ภัย แต่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ดีใจเพราะโรงพยาบาลเมืองท่าแขกขาดแคลนทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากกรณีที่ ธนสิทธิ์ ไพรพงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม ...

News

รพ.หลายแห่งไม่รับทำแท้งผู้ที่อายุครรภ์น้อยกว่า 12 สัปดาห์ แม้มีกม.รองรับ

เรื่อง: ปาณัสม์ จันทร์กลาง ภาพ: ณัฐกมล สิทธิวงศ์ สายด่วนท้องไม่พร้อม 1663 เผย แม้ประเทศไทยจะแก้กฎหมายให้ผู้มีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์สามารถเข้ารับบริการยุติการตั้งครรภ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ยังพบว่าโรงพยาบาลจำนวนมากรวมทั้งโรงเรียนแพทย์ปฏิเสธการให้บริการ แนะสธ.จัดหน่วยบริการยุติการตั้งครรภ์จังหวัดละ 1 ...

News

น้ำท่วมชุมชนมัสยิดท่าอิฐ นนทบุรี ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ความช่วยเหลือจากรัฐยังไม่เพียงพอ ขณะที่นายกฯ อบต. แจ้งเตือนเตรียมรับมือระดับน้ำอาจเพิ่มสูงอีก 20 ซม. กลางเดือนนี้

เรื่องและภาพ: ปาณิสรา ช้างพลาย จากกรณีอุทกภัยสาเหตุจากพายุนูโรและน้ำหนุนจากทางภาคเหนือ ประกอบกับฝนตกหนักสะสมต่อเนื่องในพื้นที่ ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี  ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนบริเวณชุมชนมัสยิดท่าอิฐ หมู่ 10 มานานเกือบเดือนนั้น เมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) ...

News

น.ศ.มธ.จัดกิจกรรม “ไว้อาลัยศาลไทยภายใต้ระบอบประยุทธ์” เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านคำวินิจฉัย “8 ปี ประยุทธ์” พร้อมต้องการให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

เรื่อง: เจตณัฐ พิริยะประดิษฐ์กุล ภาพ: กัปตัน จิรธรรมานุวัตร จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญ (ศร.) วินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ถึงวันที่ 5 เมษายน 2568 ตามความในมาตรา ...

News

คณบดีคณะวิศวะฯ มธ. ชี้แจง ใส่ชุดไปรเวทเข้าสอบได้ แม้ผิดจากประกาศคณะ เตรียมพูดคุยกับนักศึกษาเพื่อหาข้อสรุปหลังสอบกลางภาค ด้านนักศึกษาเชื่อประกาศของสภานักศึกษา จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากขึ้น ขอให้รักษาสิทธิของตัวเอง

เรื่องและภาพ : ปาณัสม์ จันทร์กลาง จากกรณีที่สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สภาฯ) ส่งหนังสือแจ้งถึงคณบดีทุกคณะ วิทยาลัย และผู้อำนวยการสถาบันการศึกษา ว่าการบังคับให้แต่งชุดนักศึกษาเข้าสอบเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ ต่อมาพบว่านักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ใส่ชุดไปรเวทเข้าสอบ จำเป็นต้องเขียนใบคำร้องก่อนเข้าห้องสอบ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์เรื่องสิทธิการแต่งกายของนักศึกษานั้น เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 เวลา 9.30 น. ธีร เจียศิริพงษ์กุล ...

0 %

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Analytics

    คุ้กกี้ที่เราเก็บไป จะนำไปใช้เพื่อประกอบการวิเคราะห์การอ่านบทความ/ข่าวภายในเว็บไซต์เท่านั้น จะไม่มีการนำข้อมูลผู้ใช้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

Save