เรื่อง : ตติยา ตราชู
นักวิชาการรัฐศาสตร์ชี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก หรือ new voter จะไม่ใช่ผู้ชี้ขาดผลการเลือกตั้ง อบต. ปลาย พ.ย.นี้ เพราะมีสัดส่วนในแต่ละเขตน้อยกว่าฐานคะแนนเดิม คาดการเลือกตั้ง อบต.จะนำชีวิตชีวาคืนให้แก่การเมืองท้องถิ่นหลังถูกดองมาเกือบ 8 ปี
กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศจัดการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั้งหมด 5,300 แห่งทั่วประเทศ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 พ.ย. โดยมีจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด 34.04 ล้านคน แบ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดิมร้อยละ 87.01 และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก (new voter) ร้อยละ 12.99 อาจารย์ชาลินี สนพลาย อาจารย์ประจำสาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า กลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหน้าใหม่ จะไม่มีอิทธิพลชี้ขาดผลแพ้ชนะได้เท่ากับคนในพื้นที่ซึ่งเป็นฐานเสียงเดิม
อาจารย์ชาลินี กล่าวว่า กลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหน้าใหม่แม้จะมีจำนวนมากขึ้น แต่จะกระจายอยู่ตามแต่ละพื้นที่ ทำให้มีสัดส่วนในแต่ละพื้นที่เขตเลือกตั้งไม่มากพอจะมีกำลังเปลี่ยนแปลงการเมือง ไม่เหมือนกับการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หรือระดับประเทศ ที่จะถูกนับรวมเป็นกลุ่มคะแนนที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งเนื่องจากไม่สามารถเลือกตั้งนอกเขตได้ กลุ่มคนที่ออกมาเรียนหรือทำงานนอกพื้นที่ ก็ไม่มีแรงจูงใจจะกลับไปเลือกตั้ง อบต. เพราะภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และสถานการณ์โควิด-19
“เวลาบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ผ่านการเลือกตั้ง มักฝากความหวังไว้ที่ new voter เพราะเป็นคนที่มีวิธีการตัดสินใจแบบใหม่ จึงเปลี่ยนการเมืองได้ ทำราวกับว่าคนในพื้นที่เขาไม่เปลี่ยนเลย ทั้งที่คนเหล่านั้นก็เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา” อาจารย์ชาลินีกล่าวและว่า โครงสร้างและบรรยากาศทางการเมืองตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา รวมถึงประสบการณ์จากการเลือกตั้ง อบจ. หรือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะมีผลต่อการตัดสินใจของคนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
“งานวิจัยจากการลงพื้นที่ชนบทจำนวนหนึ่งบอกว่า ชาวบ้านจะพิจารณาเลือกผู้สมัครจากความสามารถในการต่อรองโครงการหรืองบประมาณ มาตอบสนองความต้องการของคนแต่ละกลุ่มในพื้นที่ ไม่ได้มองแต่ตัวนโยบายที่ใช้หาเสียงอย่างเดียว ไม่ได้หมายความว่าคนในชนบทไม่คิดถึงผลงาน แต่คิดในลักษณะของความสามารถในการต่อรองหรือสร้างเครือข่ายการทำงานเพื่อให้ได้ผลงานในแบบที่เขาอยากได้” อาจารย์ชาลินีกล่าว
สำหรับความสำคัญของการเลือกตั้ง อบต. ในครั้งนี้ อาจารย์ชาลินี กล่าวว่า จะเป็นการนำชีวิตชีวากลับมาสู่การเมืองท้องถิ่น หลังถูกปล่อยเกียร์ว่างมานานถึง 8 ปี หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2556 ก่อนเกิดรัฐประหาร ซึ่งผู้รักษาการที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น ไม่ได้มีแรงจูงใจในการริเริ่มโครงการใหม่รวมถึงมีข้อจำกัดของอำนาจที่กฎหมายมอบให้น้อยกว่าผู้บริหารจริง ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
นายศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม อาจารย์ประจำวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การเลือกตั้ง อบต. ไม่ได้รับความสนใจจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อาศัยอยู่นอกพื้นที่ เท่ากับการเลือกตั้งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะเป็นการเมืองระดับพื้นที่ขนาดเล็ก ที่การแข่งขันแย่งชิงฐานอำนาจและผลประโยชน์อาจไม่หวือหวาเท่าเทศบาลหรือ อบจ. รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนสนใจปัญหาปากท้องมากกว่าการเมือง
“การเลือกตั้ง อบต. อาจไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงระดับมหาศาล แต่เป็นชิ้นส่วนจิ๊กซอว์หนึ่งที่ทำให้การเมืองท้องถิ่นมีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะถูกแช่แข็งมานาน บางพื้นที่ก็มีความอึดอัด นี่เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงผู้นำ หรือกรณีผู้นำที่ได้รับความนิยมชมชอบ ก็เป็นการตอกย้ำความชอบธรรมให้เขาครองอำนาจต่อ” นายศิริศักดิ์กล่าว
นายศิริศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกลางมอง อปท. เป็นเพียงแขนขาที่จะมาช่วยทำงาน ไม่ได้ให้อิสระในการดำเนินงาน แม้ อปท. จะมีบทบาทสำคัญในการจัดการโควิด-19 แต่ส่วนกลางกลับไม่หยิบยกประเด็นนี้มาเชื่อมโยงกับการกระจายอำนาจ “การให้ความสำคัญกับการปกครองท้องถิ่น จะเป็นการเสริมสร้างความชอบธรรมให้เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางกับประชาชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต. จะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) และนายก อบต. โดยใช้เขตหมู่บ้าน และเขตตำบลเป็นเขตเลือกตั้ง ตามลำดับ ในวันอาทิตย์ที่ 28 พ.ย. นี้ เวลา 8.00-17.00 น. ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ์และหน่วยเลือกตั้งผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพิ่มเติมทางสายด่วน กกต. 1444 ในวันเวลาราชการ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมทางแอปพลิเคชัน Smart Vote